สำหรับการแข่งขันมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2020 ที่กรุงโตเกียวประเทศญี่ปุ่น ที่มีการเลื่อนการจัดการแข่งขันไปเป็นช่วงกลางปีหน้าเนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นั้น ในชนิดกีฬาศิลปะการต่อสู้อย่างเทควันโดความหวังสูงสุดของทัพนักกีฬาไทยยังคงฝากเอาไว้ที่นักเทควันโดหญิงอย่าง “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ในรุ่น 49 กิโลกรัมหญิงอยู่เช่นเดิม

การที่ยกให้เทนนิสเป็นความหวังสูงสุดในการที่จะคว้าเหรียญทองมาฝากคนไทยในครั้งนี้ของสมาคมเทควันโด ไม่ใช่เพียงแค่เพราะว่าในขณะนี้เธอเป็นนักเทควันโดเพียงคนเดียวที่ได้รับสิทธิ์เท่านั้น แต่ผลงานของเธอในช่วงที่ผ่านมาโดยเฉพาะปีล่าสุดที่เธอไม่แพ้ให้แก่คู่ต่อสู้คนใดเลยตลอดทั้งฤดูกาลแข่งขัน จนทำให้เธอครองตำแหน่งอันดับหนึ่งของโลกในรุ่น 49 กิโลกรัมตลอดทั้งปี มันจึงดูเหมือนว่าเธอได้พัฒนาตัวเองขึ้นมาจนถึงจุดที่ไร้เทียมทานและคู่ควรอย่างมากแล้วที่จะได้เหรียญทองโอลิมปิกสมดังที่เธอฝันเสียที และถ้าหากว่าไม่มีปัญหาการแพร่ระบาดมาขวางกั้นและการแข่งขันได้ถูกจัดขึ้นตามกำหนดการเดิมเชื่อว่าฟอร์มของเธอคงจะสดกว่านี้อย่างแน่นอน

แต่ถึงแม้ว่าจะเกิดปัญหาโรคระบาดมากั้นขวางไว้เสียก่อน และทำให้แฟน ๆ กีฬาบ้านเราอดเป็นห่วงไม่ได้เรื่องความต่อเนื่องของการแข่งขันที่อาจจะทำให้ฟอร์มเก่งช่วงปี 2019 ของเธอมีอันต้องสะดุดไป แต่ทางเจ้าตัวก็ได้ออกมาบอกแล้วว่าความพร้อมของเธอตอนนี้เรียกได้ว่าเต็มร้อยทั้งในเรื่องสภาพจิตใจรวมไปถึงการรักษาความฟิตของร่างกาย เพราะสามารถกลับมาทำการฝึกซ้อมได้นานพอสมควรแล้ว ซึ่งดูแล้วอาจจะถือว่าเป็นข่าวดีด้วยซ้ำที่การแพร่ระบาดของเชื้อในประเทศเราสามารถควบคุมได้เร็วกว่าในหลาย ๆ ประเทศทำให้เธอสามารถกลับมาทำการฝึกซ้อมได้เร็วกว่านักกีฬาในหลาย ๆ ประเทศ ที่มีการแพร่ระบาดหนักกว่า เพราะฉะนั้นในส่วนนี้จึงเชื่อว่าจะไม่ทำให้ฟอร์มอันร้อนแรงของเธอหลุดไปอย่างที่หลายคนเป็นกังวล

การแข่งขันโอลิมปิกในครั้งนี้ถือเป็นการเข้าร่วมการแข่งขันในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติเป็นสมัยที่สองติดต่อกันแล้ว โดยครั้งแรกในการแข่งขันที่ประเทศบราซิลนั้นถึงแม้ว่าเธอจะผิดหวังไปไม่ถึงตำแหน่งเหรียญทองแต่ก็ยังมีเหรียญทองแดงติดไม้ติดมือมากฝากคนไทยได้ และความผิดหวังในครั้งนั้นอาจจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้เธอมุ่งมั่นและพัฒนาตัวเองมากขึ้นจนสามารถก้าวขึ้นมาเป็นมือหนึ่งของโลกด้วยฟอร์มไร้พ่ายอย่างเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ในชีวิตการเป็นนักกีฬาของ พานิภัค วงศ์พัฒนกิจ นั้นเธอกวาดรางวัลต่าง ๆ มาครองได้อย่างมากมายแบบสาธยายกันยืดยาวเลยทีเดียว เพราะเธอสามารถคว้าแชมป์รายการต่าง ๆ ได้มากถึง 27 รายการ กับอีกหนึ่งเหรียญทองแดงโอลิมปิก เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่จะเติมเต็มชีวิตนักกีฬาของเธอให้สมบูรณ์แบบได้ก็คงจะมีเพียงแค่เหรียญทองโอลิมปิกเท่านั้น และก็เชื่อว่าคงไม่มีช่วงเวลาไหนเหมาะสมที่เธอจะทำมันให้สำเร็จมากไปกว่านี้อีกแล้ว

เรียกได้ว่าทำเอาแฟนหมัดมวย และเหล่าเซียนพนันมวยตัวยงของบ้านเราใจหายใจคว่ำกันเลยทีเดียว สำหรับการชกในรอบคัดเลือกโอลิมปิก ประเภทกีฬามวยสากลสมัครเล่น รุ่น 57 กิโลกรัมชาย ที่ทัพนักชกไทยเราส่งนักกีฬาจอมเก๋าอย่าง “เจ้าสด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี ลงทำการแข่งขันในครั้งนี้ เนื่องจากเจ้าตัวไปพลาดท่าถูกนักชกจากเวียดนามน็อคไปในการแข่งขันรอบที่สองเท่านั้น แต่ก็ยังดีที่สามารถอาศัยลูกเก๋าคว้าตั๋วสู่โตเกียวมาครองได้สำเร็จ แบบชนิดที่เล่นเอาลุ้นกันจนหืดขึ้นคอกัน คุมตั๋วพนันทั้งประเทศเลยทีเดียว

สำหรับฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี หรือที่มีชื่อเดิมว่า ฉัตร์ชัย บุตรดี นั้นเป็นชื่อที่ติดหูแฟนกีฬาหมัดมวยในบ้านเรากันมาอย่างยาวนานเลยทีเดียว เพราะเขาคือนักชกที่สวมยูนิฟอร์มติดธงลงรับใช้ชาติมาแล้วมากกว่าสิบปีด้วยกัน และก็เป็นหนึ่งในนักชกฝีมือดีที่สามารถคว้าเหรียญรางวัลต่าง ๆ มาครองได้อย่างมากมายไม่ว่าจะเป็น 4 เหรียญทองกับอีก 1 เหรียญเงินจากการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ 1 เหรียญทองชิงแชมป์เอเชีย และอีกหนึ่งเหรียญทองแดงชิงแชมป์โลก ซึ่งจะเห็นว่าเมื่อดูแล้วเหรียญรางวัลรายการต่าง ๆ บนเส้นทางนักชกเขาล้วนแล้วแต่เคยได้สัมผัสมาแล้วทั้งสิ้น เหลือเพียงแค่เหรียญรางวัลจากการแข่งขันโอลิมปิกเท่านั้นเองที่เขายังไม่สามารถคว้ามาครองได้เสียที

และในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ ก็ถือเป็นการเข้าร่วมทำการแข่งขันเป็นสมัยที่สามติดต่อกันแล้วสำหรับเจ้าตัว ซึ่งผลงานจากทั้งสองครั้งที่ผ่านมาของเจ้าสดนั้น จบลงที่การตกรอบสิบหกคนสุดท้ายทั้งสองครั้ง และในครั้งนี้เจ้าตัวหวังอย่างมากว่าจะสามารถก้าวขึ้นไปหยิบเหรียญรางวัลจากโอลิมปิกเหรียญใดเหรียญหนึ่งมาครองให้สำเร็จให้จงได้ นั่นก็เพราะว่าในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งนี้นั้นตัวของเจ้าสดเองก็มีอายุถึง 36 ปีแล้ว มันจึงเท่ากับว่าเป็นโอลิมปิกครั้งสุดท้ายแล้วของตัวเขา เพราะถ้าจะรอจนถึงครั้งหน้าตัวเขาก็คงมีอายุแตะหลักสี่เข้าไปแล้วและเมื่อถึงวันนั้นร่างกายของ “เจ้าสด” ก็คงจะไม่สดซักเท่าไหร่นัก ดังนั้นถ้าจะทำความฝันให้สำเร็จก็คงจะต้องทำให้ได้ในครั้งนี้ที่โตเกียวนี่แหละ

ด้วยอายุอานามของฉัตร์ชัยเดชา บุตรดีในขณะนี้แน่นอนแหละว่าความปราดเปรียวว่องไวของเขาคงจะต้องลดน้อยลงไปบ้างเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่เข้ามาช่วยทดแทนในส่วนนี้ได้เป็นอย่างดีก็คือลูกฝีมือ และประสบการณ์ที่อยู่มากเลยทีเดียวซึ่งเมื่อนำมาบวกกับความมุ่งมั่นที่จะคว้าเหรียญรางวัลโอลิมปิกมาครองให้ได้ก่อนที่จะวางมือแขวนนวมจากวงการ ก็เชื่อว่าในการขึ้นชกโอลิมปิกที่กรุงโตเกียวนี้ เจ้าสดจะทำให้หมัดมวยเช้าไทยได้ลุ้นกันแบบยาว ๆ อย่างแน่นอน

ในการแข่งขันมหกรรมกีฬาที่ได้ชื่อว่าเป็นมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาตินั้น กีฬามวยสากลสมัครเล่นถือเป็นหนึ่งในชนิดกีฬาที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับนักกีฬาและแฟนกีฬาชาวไทยมาอย่างยาวนาน แถมยังสร้างเม็ดเงินในโต๊ะพนันต่าง ๆ ได้อย่างดี เพราะกีฬาชนิดเป็นกีฬาที่นักกีฬาไทยมักจะทำได้ดีและมีเหรียญรางวัลจากโอลิมปิกมาฝากแฟนชาวไทยได้เสมอ และในโอลิมปิก 2020 ที่กำลังจะจัดขึ้นในช่วงกลางปีหน้านั้นกีฬามวยสากลสมัครเล่นก็ยังคงตั้งเป้าจะคว้าเหรียญมาฝากแฟน ๆ ให้ได้อีกเช่นเคย

และเรื่องที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งของทัพเสื้อกล้ามไทยในโอลิมปิกครั้งนี้ก็คือ ฟอร์มการชกของนักชกดาวรุ่งวัยเพียง 20 ปี อย่าง “เจ้าเหลิม” ธิติสรรค์ ปั้นโหมด ที่สามารถคว้าตั๋วโอลิมปิกสมัยแรกในชีวิตของเขามาได้สำเร็จแบบเหนือความคาดหมาย สร้างความเซอร์ไพรส์ชุดใหญ่ให้เซียนพนันเลย ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีนั้นหลาย ๆ ฝ่ายยังไม่ได้คาดหวังโควตาโอลิมปิกจากเจ้าเหลิมมากนัก ด้วยความที่เจ้าตัวพึ่งจะมีอายุเพียงแค่ 19 ปีเท่านั้นในขณะที่ขึ้นชกรอบคัดเลือกซึ่งเต็มไปด้วยนักชกที่มีฝีมือและประสบการณ์มากมายขวางอยู่ และหวังจะให้เจ้าตัวเก็บเกี่ยวประสบการณ์บนสังเวียนใหญ่เสียมากกว่า เพราะด้วยความที่อายุยังน้อยจะรอโอลิมปิกครั้งหน้าก็ยังไม่สาย แต่กลับกลายเป็นว่าเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้แหละที่สามารถทำผลงานได้ดีที่สุดในรอบคัดเลือกโอลิมปิกของทัพนักชกทีมชาติไทย โดยที่เขาสามารถผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะได้เพียงแค่รองแชมป์แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาคว้าตั๋วอันทรงเกียรตินี้มาได้อย่างน่าภาคภูมิใจ เพราะนักชกคู่แข่งที่เขาเอาชนะได้ในรอบรองชนะเลิศนั้นคือ ชาโคบิห์ดิน ชอยรอฟ ซึ่งเป็นถึงนักมวยเหรียญทองโอลิมปิกเมื่อปี 2016 มันยิ่งเป็นการการันตีได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ฝีมือไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ธิติสรรค์ ปั้นโหมด เป็นนักมวยผลผลิตจากโรงเรียนกีฬาจังหวัดพิษณุโลก โดยเขาเริ่มต่อยมวยมาตั้งแต่วัยเพียงแค่ 8 ขวบเท่านั้นเอง ซึ่งก็ต่อย ๆ หยุด ๆ อยู่ในช่วงแรก ก่อนจะกลับมาต่อยอีกครั้งโดยมีแรงบันดาลใจในขณะนั้นเพราะว่าถูกเพื่อนแกล้ง ซึ่งมันกลายเป็นแรงผลักดันที่ส่งให้เขาก้าวเข้าสู่เส้นทางนี้อย่างจริงจังจนได้เข้าเรียนที่โรงเรียนกีฬา และเมื่อได้เข้าสู่รั้วโรงเรียนกีฬาได้เรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นแววในตัวของเจ้าเหลิมก็ยิ่งฉายออกมาให้เห็นชัดมากขึ้น โดยการกวาดแชมป์ภายในประเทศในระดับเยาวชนมาอย่างมากมาย และในที่สุดความฝันที่จะได้ไปโอลิมปิกของเขาก็เป็นจริง

“เจ้าเหลิม” ธิติสรรค์ ปั้นโหมด นับว่าเป็นนักมวยที่อายุยังน้อยมากที่สามารถพาตัวเองขึ้นไปสู่เวทีระดับโอลิมปิกได้ และในเรื่องฝีไม้ลายมือรวมไปถึงหัวจิตหัวใจของนักมวยดาวรุ่งคนนี้ถือว่ามีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าในด้านเกียรติประวัติแล้วเขาจะมีชื่อเป็นแชมป์รายการสำคัญ ๆ เพียงแค่แชมป์เยาวชนโลก แต่มันก็ไม่แน่ว่าการบันทึกเกียรติประวัติครั้งต่อไปของเขาอาจจะเป็นเหรียญทองโอลิมปิกเลยก็ได้