ถ้าจะกล่าวถึงวงการฟุตบอลไทยในตอนนี้ ต้องบอกว่ามีดาวรุ่งคลื่นลูกใหม่เกิดขึ้นมาอย่างมากหน้าหลายตาแต่สำหรับชั่วโมงนี้คงจะไม่มีใครไม่รู้จักกับ “บุ๊ค” เอกนิษฐ์ ปัญญา มิดฟิลด์ตัวรุกที่สามารถเล่นในตำแหน่งปีกได้ด้วยเรียกได้ว่าในแนวรุกเขาสามารถเล่นได้เกือบหมด ด้วยรูปร่างที่สูงไม่มากนัก เพียง 171 เซนติเมตร ประกอบกับลักษณะการเล่นทำให้มีการเปรียบเทียบเจ้าตัวกับชนาธป สงกระสินธ์ รุ่นพี่ทีมชาติไทย แต่ต้องบอกเลยว่าเด็กหนุ่มผู้มีภูมิลำเนาจากจังหวัดเชียงรายคนนี้มีดีกว่าที่เห็นแน่นอน เพราะนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเส้นทางค้าแข้งบนถนนสายลูกหนังของเขา

อายุไม่ใช่อุปสรรคสำหรับดาวรุ่งคนนี้

ที่เกริ่นมาในหัวข้อข้างต้นแบบนี้เพราะว่าผู้ที่ชื่นชอบฟุตบอลส่วนใหญ่มักจะคิดว่านักฟุตบอลที่อายุยังน้อย ประสบการณ์ในเวทีใหญ่ ๆ ยังไม่มากพอ จะยังไม่สามารถเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของทีม ๆ นั้นได้ แต่ “เอกนิษฐ์ ปัญญา” ได้ทำให้ความคิดของใครต่อใครต้องเปลี่ยนไป ย้อนกลับไปที่ปี 2015 ในเกมฟุตบอลไทยลีกระหว่างสิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด พบกับ ศรีษะเกษ เอฟซี ในช่วง 3 นาทีสุดท้ายก่อนหมดเวลาเป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มผู้เติมโตมากับทีม “กว่างโซ้งมหาภัย” จะได้สัมผัสผืนหญ้าของเกมฟุตบอลระดับอาชีพเป็นครั้งแรก ซึ่งในขณะนั้นเจ้าตัวมีอายุเพียง 15 ปีเท่านั้น ส่งผลให้กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในเวลานั้นที่ได้ลงเล่นบนไทยลีก เวลา 3 นาทีของคนอื่น ๆ อาจจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่สำหรับเขาแล้วมันคือการทำให้ความฝันกลายเป็นจริง

ท่ามกลางความสนใจของสื่อหลายสำนัก ที่แปลกใจว่าทำไมทีมสิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด ถึงได้กล้าส่งเด็กที่อายุน้อยขนาดนี้ลงไปเล่นในฟุตบอลระดับอาชีพได้ แต่สิ่งนั้นก็ไม่ได้ทำให้เขากดดันแต่อย่างใด เมื่อเจ้าตัวได้รับการไว้วางใจให้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การคุมทีมของ “โค้ชโจ” ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น และ “บิ๊กฮั่น” มิติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรที่ลงทุนให้โอกาสขัดเกลาเด็กคนนี้ให้มีประสบการณ์เพิ่มมากขึ้นในยุคที่มีนักฟุตบอลเก่ง ๆ เกิดขึ้นอย่างมากมาย จนสิ้นฤดูกาล2015-2016 เอกนิษฐ์ จบลงด้วยการลงเล่นไปทั้งหมด18 นัด ยิงไปทั้งหมด 4 ประตู เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ สำหรับเด็กวัยเพียงเท่านี้ ถัดมาเพียง 1 ปี ชีวิตของ เอกนิษฐ์ ปัญญา ก็ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง เมื่อทีมสิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด แยกทางกับโค้ชโจ ธีระศักดิ์ โพธิ์อ้น ประกอบกับการที่บิ๊กฮั่น มิติ ติยะไพรัช เห็นว่าถึงเวลาที่เจ้าหนูคนนี้ต้องไปเก็บประสบการณ์ที่อื่นเพิ่ม จึงทำให้เจ้าตัวย้ายสู่ทีม “เชียงราย ซิตี้” ด้วยสัญญายืมตัวหนึ่งฤดูกาล ซึ่งเขาก็สามารถทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจเล่นไป 26 นัด ยิงได้ 3 ประตู ต่อด้วยการย้ายไปเล่นให้อย่าง “พยัคฆ์ล้านนา” เชียงใหม่เอฟซี ในปี 2018 จนสามารถเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ไทยลีก 1ได้สำเร็จด้วยวัยเพียง 19 ปี

เจ้าชายกว่างโซ้งมหาภัยคืนสู่เหย้า

หลังจากไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์จนพอ ในที่สุดสิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด ก็ดึงตัว เอกนิษฐ์ กลับมาสู่อ้อมอกอีกครั้งเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการลุ้นแชมป์ ด้วยฟอร์มอันร้อนแรงจนถูกแฟนบอลขนานนามว่า “เจ้าชายแห่งทัพกว่างโซ้งมหาภัย” และล่าสุดยังตามด้วยการเรียกตัวติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ครั้งแรก เรียกได้ว่าเจ้าหนูคนนี้จะต้องกลายเป็นอีกหนึ่งนักฟุตบอลไทยที่เป็นตำนานอีกคนได้อย่างแน่นอน ถ้ายังรักษาฟอร์มการเล่นและความขยัน อดทนได้ อย่างคงเส้นคงวา